วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

Burn CD ง่ายๆ ผ่าน Command line ใน FreeBSD

     เนื่องจาก(เอ๊..ทำไมต้องหาเหตุผลด้วยน๊า) ไปsearchเจอการสั่ง Burn CD ใน webนี้ เข้าโดยบังเอิญ  พอดีเลย... มีไฟล์ ISO ของ ubuntu 9.10 ให้ลองพอดี ลองเลยละกัน
     สั่งง่ายๆ ใน xterm ตามนี้เลยครับ
$burncd -f /dev/acd0 -s 4 -e data cd-image.iso fixate
ก็จะมี message แจ้งว่ากำลัง ดำเนินการไปกี่ Byte กี่ Percent ก็รอครับ ซักพัก...
     พอBurn เสร็จ ก็จะ Eject CD ออกมาเอง เรียบร้อย โรงเรียนFreeBSDครับ
ส่วนเอกสารอ้างอิงน่าสนใจ อ่านได้ที่นี่ครับ

การ Setup Keyboard ให้สลับการพิมพ์ภาษาไทย/Eng ได้ใน Ubuntu อย่างง่าย

     ต่อเนื่องมาจาก การลองทำ Ubuntu Live USB ดู หลังจากลอง Boot ดูแล้วก็ WoW!... แจ่มมากครับ ใช้แทน Ubuntu Live CD ได้เลย แต่ก็เจอปัญหาทันที เมื่อลอง พิมพ์ภาษาไทย ที่ Google Search อ้าว.... พิมพ์ภาษาไทย ยังไม่ได้อ่ะ ก็ ยังไม่ได้ Set Keyboard Layout นี่หว่า จะพิมพ์ได้งายเพ่...
     ก็เลยต้องมา Setup Keyboard Layout กัน วิธีการ ก็ไม่ยากครับ เป็น Step By Step เลยนะครับ
     -ขั้นแรก Click mouse ที่ Menu System -> Preferences -> Keyboard

     -ต่อมาจะมีหน้าต่าง Keyboard Preferences ขึ้นมา เลือก tab Layout แล้ว กดปุ่ม Add...

     -จากนั้นจะพบกับ หน้าต่าง Choose a Layout ก็เลือก ภาษาไทย แล้วกด Add... ข้างล่าง

     -จะกลับมาที่หน้าต่าง Keyboard Preferences จะเห็นว่า มีLayout ภาษาไทยแล้ว ขั้นต่อไป กดปุ่ม Layout Options เพื่อปรับแต่งปุ่มสลับภาษาไทย/Eng

     -จะเจอหน้าต่าง Keyboard Layout Options ให้Click เลือกปุ่มexpend ที่ Key(s) to change layout ก็จะพบ options ให้เลือกปุ่มสลับภาษา ของผมเลือก "Alt+Shift" เสร็จแล้ว กดปุ่ม Close ปิดหน้าต่างนี้ออกไป

     -ขั้นสุดท้าย ก็ลองทดสอบการพิมพ์ดูที่ ช่อง Type to test settings: ว่าสลับภาษาได้หรือไม่ หากเรียบร้อย ก็กดปุ่ม Close ออกไปได้เลยครับ

     ในที่สุด Ubuntu Live USB ของเราก็ใช้งาน Keyboard ภาษาไทยได้แล้ว  ไปละครับ...โชคดี

การ Setup Phoenix Bios ให้เริ่ม Boot จาก USB Drive

     หลังจากได้ทดลองทำ USB Drive ให้เป็นสื่อสำหรับติดตั้ง Ubuntu ตามวิธีการของครูมนตรี แล้ว ก็พบว่าง่ายมาก เหมือนที่ครูมนตรีว่าเลยครับ เมื่อได้ Ubuntu ใน USB Drive มาแล้วก็ ลองเล่นดูเลย
     ก็งงๆเล็กน้อยกับการ Setup ให้Bios ของ Presario M2000 ให้เริ่ม Boot จาก Ubuntu USB Drive
(ของผมใช้ยี่ห้อ Kingston DataTraveler 4GB ราคา 300กว่าบาท ;p) แต่ก็ไม่ยุ่งยากอะไร คือ
     -เสียบ Ubuntu USB Drive ที่เตรียมมากับ Computer(Support USB 2.0) 
     -ให้กด F10 ในขณะที่ Bios เริ่มทำงาน ก็จะเข้าสู่หน้า Bios Setup แล้ว เลื่อนไปหน้า Advance
     -เลื่อน Cursor ไปที่ Boot Order กด [Enter]
     -เลื่อนไปที่ +Hard Drive กด [Enter]
     -เลื่อนไปที่ Kingston DT 101 II (USB)
     -กด F6 เพื่อเลื่อนอันดับให้ USB Drive อยู่บนสุดของกลุ่ม Hard Drive
     -กด Esc เพื่อออกจาก กลุ่ม Hard Drive
     -กด F6 เพื่อเลื่อนอันดับ กลุ่ม Hard Drive ขึ้นมาอยู่บนสุด
     -กด F10 เพื่อ Save ค่าใหม่ แล้วออกจาก Bios Setting เพื่อ Reboot ใหม่ เป็นอันจบ
(หมายเหตุ: Bios ของ M2000 เป็นของ PhoenixBios ครับ)
     หวังว่า นอกจากผมเองซึ่งบันทึกไว้เพื่อกันลืมแล้ว คงมีประโยชน์สำหรับมือใหม่เหมือนๆกับผมด้วยนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553

วิธีการติดตั้ง Ubuntu 9.10 ภาคภาษาไทย โดย KruMontree.com

สืบเนื่องจาก เรื่องที่ผ่านมา
      อ่านแล้วรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอสำหรับการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง เลยค้นต่อ ก็มาพบกับ Web ของคุณครูมนตรีเข้า  ซึ่งท่านอาจารย์ ก็สมกับเป็นคุณครู ที่ทุ่มเทกับการพยายามทำให้คนไทยหันมาใช้Open sources กันให้มากขึ้น เพราะท่านได้อธิบายขั้นตอนการติดตั้ง เป็นขั้นตอน พร้อมรูปประกอบ อย่างละเอียด
      เลยขออนุญาตนำ Linkไปยังหน้าwebsite ของท่านอาจารย์มนตรี มาเผยแพร่ไว้นะที่นี้ด้วยนะครับ
การติดตั้ง Ubuntu โดย ครูมนตรี

เชื่อว่า คงมีประโยชน์กับผู้ที่สนใจ ไม่มากก็น้อยนะครับ

วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

วิธีการลง Ubuntu 9.10 อย่างง่าย Step By Step (Ubuntu Installation)

มีน้องคนนึงที่เป็นลูกค้าที่ร้าน แลัว บังเอิญเห็นผมใส่เสื้อของ Ubuntuclub ก็เลยได้คุยกัน เรื่องการลงUbuntu แล้วน้องเค้า จำเป็นต้องแก้ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ Software และ OS (ซึ่งทุกท่านก็คงรู้ว่า OS อะไร) ของหน่วยงานเอกชนแห่งหนึ่ง และแน่นอน งานนี้ Ubuntu อาจเป็นคำตอบสุดท้ายในสถานการณ์ด่วนมากเช่นนี้ -*-

     จึงเป็นที่มาของบทความนี้ เป็น วิธีการ Install Ubuntu แบบหนึ่งในหลายๆวิธี ซึ่งหวังว่าคงเป็นประโยชน์กับ ผู้ที่กำลังสนใจ หรือ จำเป็นต้องสนใจบ้างนะครับ
     ลิ้งค์อันนี้ เป็น วิธีการทั่วๆไป จาก web แห่งหนึ่งครับ
ubuntuguide.net
     อีก Link หนึ่งที่น่าสนใจครับ
softpedia.com
     อันนี้ เป็นการทำ USB Stick ให้สามารถใช้ Install Ubuntu แทน แผ่นCD ได้(ใช้กับNetBook)
http://ubuntuguide.net/how-to-install-ubuntu-910karmic-from-usb-stick
     ส่วนอันสุดท้ายนี้ แถมให้ครับ เป็น How to ใน youtube ซึ่งเป็นการ Installation โดยใช้ Ubuntu Live CD ผมดูแล้วน่าจะสะดวกที่สุดแล้วครับ



ขอให้โชคดีนะครับ ทุกท่าน

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

แปลงไฟล์mp4 จาก youtube มาเป็น mp3 กันเถอะ

     วันนี้ ว่าจะทดลองอัดเสียงร้องเพลงของคุณอิน กับ karaoke ที่เป็นเฉพาะ Backing Track (ดนตรีBackupเปล่าๆ) แต่เป็นไฟล์ mp4 ที่โหลดมาจาก youtube ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าเกิดอยากลอง mix เสียงร้องกับดนตรีดู ก็เลยอยากได้แต่เสียงมาทดลองดู ทำไงดีน้า...
     จำได้ว่าเคยเห็นวิธีแปลง mp3 จาก mp4  ใน Ubuntuclub ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้ได้รู้จักกับLinux Ubuntu เป็นครั้งแรก โดยท่านผู้รู้ในclub ได้กรุณาเขียนไว้ (อ่านต้นฉบับได้ที่นี่)
     พระเอกของเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ไครที่ไหน FFMpeg นั่นเอง
สำหรับ FreeBSD หากยังไม่ได้ติดตั้ง ก็ให้ติดตั้ง 2 packages ผ่านทาง ports นี้ก่อนนะครับ นั่นคือ

     - ffmpeg (/usr/ports/multimedia/ffmpeg)
     - lame (/usr/ports/audio/lame)

     วิธีการก็แสนสะดวก ที่ xterm หรือ terminal ที่ท่านชื่นชอบ สั่งดังนี้ครับ
$ffmpeg -i input.mp4 -ab 128000 -ar 44100 output.mp3
     รอซักพัก... ก็เรียบร้อย ฟังได้เลย ไม่ต้องซื้อ... เอ๊ยย... ไม่ต้องรอนาน ;-)
   

วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

แปลง pdf file ไปเป็น jpg อย่างง่ายด้วย ImageMagick

     วันนี้ คุณอิน ต้องการสั่งซื้อสินค้าทางInternet หลังจากโอนเงินทางInternet Banking แล้ว ก็สั่งพิมพ์ใบโอนเก็บไว้เป็นไฟล์PDF ผ่านทางMenu พิมพ์ ของFirefox
     ทีนี้พอแจ้งการชำระเงินผ่านทางหน้าWeb ก็มีช่องให้Upload ไฟล์ใบโอนเงินไปได้ด้วย เลือกเสร็จสรรพ ก็กด ปุ่ม ตกลง
     ERROR อ่ะครับ... มีข้อความแจ้งว่า ให้Upload เป็นไฟล์ jpg เท่านั้น กรรม...
ทำไงล่ะทีนี้... อ๋อ.. นึกออกแล้ว ลองแปลงจาก PDF ไปเป็น JPG อย่างง่ายๆเลยดีกว่า
     ImageMagick เป็นคำตอบสุดท้าย สำหรับผม ซึ่งใช้ Gimp ไม่เป็นอ่ะ สั่งง่ายๆเลย ดังนี้
$convert Input.pdf Output.jpg

แค่นี้จริงๆครับ แป๊บเดียวเลย ได้ไฟล์รูปภาพ JPG ออกมาแล้ว Upload ได้เลย จบข่าว...
     convert เป็นคำสั่งที่ใช้ในการแปลงไฟล์ ได้หลากหลายรูปแบบมากๆ บนUnix และ Linux ที่ไม่ซับซ้อนมากนัก โดยเฉพาะมือใหม่อย่างผม (ก็ยังไม่เก่งซักทีอ่ะ เฮ้อ...)

     ศึกษาการใช้งานต่อได้ที่นี่ครับ Examples of ImageMagick Usage

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

Sound Recorder อย่างด่วน กับ SoX ฉบับผมเอง

     ช่วงนี้ คุณอิน กำลังฝึกร้องเพลงสากล จากclip ใน Youtube ที่โหลดมา ทำไปทำมา เกิดอยากอัดเสียงร้อง ของตัวเองไว้ฟัง =="   งานเข้าละสิ...
     ค้นไปค้นมา... เจอล่ะ SoX ครับ ง่ายสุด (ยังไม่ได้หัดใช้ Audacity ซักกะที...)
พอดีว่า เคยลง sox ไว้นานแล้ว เพื่ออาศัยเปิดไฟล์ ogg ตอน Startup IceWM ให้มีเสียงเพลงนำ เหมือนใน Gnome หรือ KDE ไง
     ขั้นแรก ต้องมี sox ในเครื่องก่อนครับ สำหรับ FreeBSD ลงผ่านports ได้เลย ;-)
#cd /usr/ports/audio/sox && make install clean
แล้วเลือก options ที่ต้องการทั้งหมดไปเลย
     จากนั้น ให้เสียบ Microphone เข้าช่องสำหรับ Microphoneที่จะใช้บันทึกเสียง แล้วก็ปรับระดับเสียง สำหรับ Microphone และ ระดับเสียงสำหรับ บันทึกเสียง
สำหรับผม ซึ่งใช้ mixer เป็นตัวจัดการระดับเสียงที่ติดมากับ FreeBSD อยู่แล้วก็สั่งดังนี้
$mixer mic 75:75
$mixer rec 75:75
นั่นคือ ปรับระดับเสียงของ microphone ไปอยู่ที่ 75(จาก scale 100) และ ระดับความดังการบันทึกเสียงไปที่ 75 เหมือนกัน สำหรับค่านี้ ก็ลองปรับเองดูนะครับ ตามสะดวก
     เสร็จแล้ว ก็เตรียมบันทึกเสียงกันเลย ผมใช้ชุดหูฟังที่มา microphone มาด้วยในตัวธรรมดา เพื่อเปิดเพลงให้คุณอินฟังไปด้วย พร้อมกับอัดเสียงร้องไปด้วย พอเปิดเพลง ก็เริ่มอัดเสียงโดยคำสั่งนี้
$rec hero_01.ogg
แค่นี้จริงๆครับ พอคุณอินร้องจบ ก็หยุดบันทึกโดยการ กด Ctrl+C ครับ เสร็จแล้ว มาลองฟังกันดู ก็สั่ง...
$play hero_01.ogg
เรียบร้อย ฟังผลงานตัวเองดูนะ คุณอิน อิอิ
      สำหรับ rec และ play ก็เป็นfrontend ของ sox นั่นเอง และ ชื่อไฟล์.ogg ก็เปลี่ยนตามสะดวกนะครับ file เสียงที่ได้ก็เป็น OGG ไฟล์ครับ
     commandline นี่... มันสะดวกโครตๆเลยแฮะ ;-) จิงดิ...

วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

MultiMedia Keys กับ IceWM ใน FreeBSD (ฉบับทดลอง)

     สงสัยมานานแล้วครับ ว่า ปุ่ม Function ต่างๆ เช่น F1-F12 บนKeyboard ของ Notebook M2000 ของผมเนี่ย จะใช้งานอะไรได้บ้าง เพราะถ้าเป็นWindows XP(เถื่อน)ที่ติดเครื่องมา คงใช้ได้เต็มประสิทธิภาพแน่
     แต่ทีนี้ทั้ง Ubuntu เอย FreeBSDของเราเอย จะทำให้ปุ่มเหล่านี้ใช้งาน(ไม่เป็นง่อย)ได้ยังไงนะ...
ก็อีกแล้วครับ Google is Your Friend Again... หาไปหามาก็ชักได้เรื่อง...
     เครื่องมือของเรา ซึ่งติดมากับ Xorg อยู่แล้ว คือ xev และ xmodmap นั่นเอง...

เท่าที่ลองทำดู หลักการก็ประมาณว่า  หาหมายเลขประจำปุ่ม หรือ keycode แล้วเอามา map หรือ ผูกกับ คำสั่งใช้งาน หรือ command สำหรับ Application หรือ Utility ต่างๆ สำหรับผม ลองใช้กับ IceWM ซึ่งเป็น Window Manager ที่ชอบมากๆ เพราะปรับใช้ปุ่มต่างๆได้โดยตรงผ่าน ไฟล์ ~/.icewm/keys

     ขั้นแรก ตรวจสอบการ map key ของkeyboard ก่อนด้วย คำสั่งดังนี้
$xmodmap -pke
จะเห็นรายการ Mapping ทั้งหมดของ keyboard ตัวอย่างเช่น
...
keycode  57 = n N Thai_sarauee Thai_thanthakhat
...
     ขั้นต่อมา หาค่า keycode ของปุ่มพิเศษที่ต้องการใช้งาน เช่นปุ่ม เพิ่มระดับเสียง, ลดระดับเสียง, ปุ่มMute เป็นต้น โดยใช้ โปรแกรม xev โดยสั่งทาง xterm หรือ terminal ดังนี้
$xev
     ก็จะมีหน้าต่างเล็ก สำหรับรอรับเหตุการณ์ เช่น Mouse Click ให้ทดลองกดปุ่ม เร่งเสียงดู จะมีข้อความปรากฏขึ้น แสดงรายระเอียดของปุ่มที่กด ในขณะกด และ ปล่อย ดังรูป

     จะเห็นว่า ค่า keycode ของปุ่มลดเสียง คือ 174 นั่นเอง ส่วน ปุ่มเพิ่มเสียง กับ ปุ่มMute คือ 176 และ 140 ตามลำดับ(เฉพาะเครื่องของผมนะครับ ของท่านอาจเป็นค่าอื่น)
     เมื่อได้ค่า keycode มาแล้ว ต่อไปก็ตั้งชื่อปุ่มครับ การตั้งชื่อก็ให้มีความหมายเข้าใจได้ เช่น RaiseVOL, LowerVOL, Mute เป็นต้น แต่ถ้าจะให้ดี และ เข้ามาตราฐาน XF86 (เผื่อโปรแกรมอื่น ได้ใช้งานได้ด้วย)สามารถไปดูรายชื่อปุ่มต่างๆ ได้ในไฟล์ XKeysymDB (/usr/local/lib/X11/XKeysymDB)
     ได้ชื่อมาแล้ว ต่อไปก็นำมาผูกเข้าด้วยกันโดยการ สร้างไฟล์ชื่อ '.Xmodmap' ขึ้นมาที่ User Home directoryของเรา (~/.Xmodmap) (มี "."อยู่ข้างหน้า เพราะเป็น Hidden File(ซ่อนเอาไว้)) โดยมีรูปแบบดังนี้
...
keycode 140 = XF86AudioMute
keycode 174 = XF86AudioLowerVolume
keycode 176 = XF86AudioRaiseVolume
...
เสร็จแล้วบันทึก แล้วก็ทำในขั้นต่อไป
สำหรับ ทั้ง 3ปุ่มที่พูดถึง ผมจะหยุดแค่ขั้นตอนนี้ เพราะ โปรแกรมMultimedia บางตัว เช่น Gmplayer จะรู้จักปุ่มทั้ง 3 แล้ว แต่บางตัว เช่น xmms ยังไม่รู้จัก แต่ ก็สามารถทำให้รู้จักได้ โดยการลงpackage เสริมคือ xmms-xf86audio (/usr/ports/audio/xmms-xf86audio)เป็นต้น
     จะยกตัวอย่างปุ่มอื่นๆ เช่น Fn+F3 (กดปุ่ม Fnค้างไว้ แล้วกด F3ตาม) คือปุ่มที่มีเครื่องหมาย www ซึ่งจะทำให้เรียกโปรแกรมFirefox webbrowserขึ้นมา ซึ่งมี keycode = 178
     เพิ่มใน ~/.Xmodmap ดังนี้
keycode 178 = XF86WWW
จากนั้น ใช้ vi editor เปิด ไฟล์ ~/.icewm/keys ขึ้นมา
$vi ~/.icewm/keys
พิมพ์ "G" ตามด้วย "o" แล้ว พิมพ์เพิ่ม บรรทัดนี้
key      "XF86WWW"     firefox3
Saveไฟล์ โดยพิมพ์ :wq! แล้ว กด Enter

     สุดท้าย ทำการแก้ไขเพิ่มข้อความนี้ในไฟล์ ~/.xintrc เพื่อให้ xmodmap ทำงาน กับ ~/.Xmodmap
xmodmap $HOME/.Xmodmap
แล้ว Reboot 1ครั้ง  แล้ว Login เข้ามาใหม่ เพื่อทดสอบ โดย ลองกด Fn+F3 ดู แล้ว ลุ้น...
     แว๊งสสสสส์... Firefox มาแว้วววว...

สามารถอ่านเพิ่มเติม ได้จาก ที่นี่ ครับ

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

FreeBSD Desktop ก็ AutoMount CDROM ,FlashDrive ได้อ่ะ(ตอนจบ)

     คราวที่แล้ว ผมค้างเรื่องการ ยกเลิก การAutoMount CDROM กับ FlashDrive เอาไว้ หลังจากทดลอง ทำให้ FreeBSD(8.0)ของเรา สามารถมองเห็น Removable Drive และ AutoMount ได้แล้ว
     เวลาต้องการเลิกMount CDROM หรือ FlashDrive สำหรับ Thunar ก็สามารถทำได้โดยการ Right Click Mouse ที่ Menu CDROM ที่แสดงขึ้นมา แลัวก็เลือก Eject Volume แล้ว CDROM ก็จะโดน Eject ออกมาเอง เรียบร้อย
     แต่ เดี๋ยวก่อนครับ!! มันจะมีข้อความเตือนขึ้นมา ว่า ไม่สามารถ Eject CD ได้เนื่องจาก คุณยังไม่มีสิทธิในการEject วิธีแก้คือ เพิ่ม ข้อความดังต่อไปนี้ ในไฟล์ PolicyKit.conf ใน Directory /usr/local/etc/PolicyKit ดังนี้
<match action="org.freedesktop.hal.storage.eject">
   <match user="Your_name_Here!">
      <return result="yes"/>
   </match>
</match>
     เสร็จแล้ว บันทึก แล้วก็ Reboot ซักครั้ง แล้วลองดูใหม่ ก็เรียบร้อยแล้วครับ...

วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

FreeBSD Desktop ก็ AutoMount CDROM, FlashDrive ได้อ่ะ(บันทึกกันลืม)

     เคยเปรียบเทียบในใจคนเดียวว่า ทำไม Ubuntu สามารถ Mount CDROM  หรือ Flashdrive ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งสะดวกมากๆ แล้ว FreeBSD ที่ใช้ IceWM เป็น Desktop ล่ะ จะสามารถทำอย่างงั้นได้มั๊ย และ ทำยังไง?...
     เหมือนเดิมครับ Google is your friend... หลังจาก ลองทำตามที่เข้าใจ จากที่อ่านมา ก็สรุปเอาเองได้ดังนี้...
     ก่อนอื่น...ให้แน่ใจว่า มี 2 บรรทัดนี้อยู่ในไฟล์ /etc/rc.conf นะครับ ถ้ายังไม่มี ให้เพิ่มเข้าไปก่อนครับ แล้ว Reboot ซักครั้ง
dbus_enable="YES"
hald_enable="YES"
แล้วให้ไป comment ที่หน้าบรรทัด ของ CDROM ในไฟล์ /etc/fstab ออกด้วยดังนี้...
#/dev/acd0     /cdrom     cd9660     ro,noauto     0     0
จากนั้น เมื่อพร้อมแล้ว...
     ขั้นแรกเลย เข้าไป เพิ่มบรรทัดนี้ใน /etc/fstab โดยใช้สิทธิ์ของ root:
proc     /proc     procfs     rw     0     0
เสร็จแล้ว บันทึกไฟล์ แล้ว ออกมาที่ บรรทัดคำสั่ง(prompt) แล้ว สั่งดังนี้
#mount /proc
     ขั้นต่อไป ต้องเข้าไปเพิ่มสิทธิ์ในการ AutoMount สำหรับ Removable Media ต่างๆ เช่น CDROM , FlashDrive เป็นต้น โดยเข้าไป แก้ หรือ ถ้ายังไม่มีก็ ให้เพิ่ม ไฟล์ PolicyKit.conf ที่ Directory /usr/local/etc/PolicyKit/ ให้เพิ่มข้อความดังต่อไปนี้ลงไป

<match action="org.freedesktop.hal.storage.mount-removable">
   <match user="Your_Account_Name_Here">
       <return result="yes"/>
   </match>
</match>

    เสร็จแล้ว บันทึก Reboot ซักครั้ง แล้วก็ได้เวลาลองดูกัน...
    สำหรับผม ทดลองโดยใช้ File Manager ตัวโปรด คือ Thunar ลองดู ก็ได้ผลแฮะ พอ Insert CDROM เข้าไป.. มองเห็นอ่ะ ดังรูป
อ่าว.. แล้ว จะ Unmount ยังไงอ่ะ ค่อยมาว่ากันตอนหน้านะครับ...อิอิ

อ่านเอกสารอ้างอิงได้จาก ที่นี่ ครับ

อ่านต่อ ตอนจบ

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

ทำRingtone จาก mp3 ด้วย FFmpeg

พอดีว่า คุณอิน อยากได้ เพลงโปรดมาเป็นringtone ใน sumsung star แถมยังใช้ audacity ไม่เป็นเลย --*-- เลยลองถาม พี่googleดู อ๊ะ! ได้เรื่องล่ะ FFmpeg คือคำตอบเลย

เปิด xterm แล้ว พิมพ์ตามนี้เลยครับ
$ffmpeg -ss 00:01:30.50 -t 30 -i Input.mp3 -acodec copy ringtone.mp3
นั่นคือ ดัดแปลง Input.mp3 (เปลี่ยนเป็นชื่อไฟล์mp3 ของท่านนะครับ) โดยเอาเฉพาะจุดเริ่มต้นจากตำแหน่ง ที่เวลา 1นาที30.50วินาที โดยตัดให้ได้ความยาวของเพลง 30 วินาที นั่นเอง

     ในกรณี ต้องการแปลง audio codec ให้มีค่า bitrate เปลี่ยนไป ก็แตกต่างกันนิดหน่อยครับ ดังนี้
$ffmpeg -ss 00:01:52.30 -t 27 -i Input.mp3 -ab 128k myringtone.mp3
อย่างหลังนี่ เมื่อต้องการเปลี่ยนให้ ไฟล์ที่ได้มี bitrate = 128kb/s เป็นต้นครับ
      จะว่าไป ผมว่า commandline เนี่ย ทั้งเร็วทั้งสะดวกกว่าอีกนะเนี่ย...