แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Howto แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Howto แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

How to setup Visual Foxpro Application with Thai Language In Ubuntu (Just Memo)

เนื่องจากมีเหตุที่ทำให้ต้องสำรองระบบของที่ร้านยา ซึ่งเป็น โปรแกรมที่เขียนด้วย Visual Foxpro 6 บน Window XP ไว้อีกที่นึง ซึ่งเป็น Ubuntu เลยต้องหาวิธีให้ใช้ภาษาไทยได้ด้วย (ฟอกซ์โปร ยังใช้ระบบภาษาไทยแบบเก่า) ก็สรุปสั้นๆว่า...

1.VFP 6 ต้อง Run ผ่าน Wine ใน Lubuntu 14.04 มีอยู่แล้ว แต่ต้องจัดการให้ระบบ มี Locale ภาษาไทย ซึ่งที่มีมาเป็น Unicode คือ th_TH.utf8 ก็จะยังมีปัญหาอ่านไม่ออก ต้องเพิ่ม th_TH.tis620 โดย
- ตั้ง Locale ไทยก่อน(ถ้ายังไม่มี) ลองตรวจสอบดูว่ามีรึยัง โดยพิมพ์ที่ Xterm  หรือ Terminal

     $locale -a

ถ้ามี ก็จะเจอ th_TH , th_TH.tis620 , th_TH.utf8
ถ้าไม่เจอเลย ก็เพิ่มไปโดย พิมพ์คำสั่ง

     $sudo locale-gen th_TH

รอสักพัก ก็จะได้ข้อความว่า th_TH และ th_TH.tis620 ได้ถูกเพิ่มเข้ามาแล้ว อันนี้ล่ะ ที่เราต้องการ...

     $sudo dpkg-reconfigure locales

เป็นอันเสร็จพิธี

2. ต้องนำ Font ที่ใช้เขียนไว้ในฟอร์มต่างๆ ของ FoxPro บน XP Copyมาใส่ไว้ใน Folder Font ของWine
ของผมอยู่ใน ~/.wine/drive_c/windows/Fonts

3. เขียน Bash script เพื่อ Run Application ผ่าน Locale th_TH ดั้งนี้ ในxterm ใช้ vi สร้าง Bash script

     $vi rspg.sh
พิมพ์
#!/bin/bash
LANG=th_TH    **/ เปลี่ยนมาใช้ th_TH /**
cd [/path to your .exe file/]
wine your.exe

เสร็จแล้ว :wq เพื่อ save Bash script ของเรา แล้ว สั่งให้มัน Run ได้โดยพิมพ์ ใน xterm ดังนี้

     $chmod +x rspg.sh

เสร็จแล้ว ลอง Runดู พิมพ์

     $./rspg.sh

WAMP!!! พิมพ์ไทยได้แล้ว อ่านไทยก็ได้แล้ว...

ขอขอบคุณ Link นี้

[SOLVED] ต้องทำอย่างไรให้ ubuntu server รู้จักภาษาไทย




วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

How to Make your own VCD in Ubuntu Linux

     วันก่อนได้เข้าไป Download พวก How to ต่างๆ ใน Youtube แล้ว ก็เลยคิดอยากทำเป็น VCD ไว้ดูเองเวลาว่างๆ ก็เลยต้องค้นหาวิธีการทำ VCD เองบนUbuntu googling ดูสักพัก ก็ได้ความ ก็มีผู้รู้ได้ postวิธีการเอาไว้แล้ว ที่นี่
     ก็เลยนำมาแชร์ไว้ที่นี่ และ เอาไว้กันลืมครับ เพราะ ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องไปหาโปรแกรมGUI มาเรียนรู้อีก ^^
สำหรับ วิธีการ ก็ต้องเริ่มจาก install โปรแกรมที่ต้องใช้กันก่อนคือ ffmpeg, vcdimager และ cdrdao

     Install ffmpeg:
$sudo apt-get install ffmpeg
ffmpeg เป็น โปรแกรมสารพัดประโยชน์ เพื่อใช้แปลงไฟล์ video ต่างๆ เช่น .avi เป็น .mpg เป็นต้น

     Install vcdimager:
$sudo apt-get install vcdimager
vcdimager เป็น โปรแกรมสำหรับสร้าง image ของ VCD

     Install cdrdao:
$sudo apt-get install cdrdao
 cdrdao เป็นโปรแกรมสำหรับ เขียนแผ่น cd แบบ disc at once สำหรับเขียนcd

     เมื่อ install ครบทั้ง 3 ตัวแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลามาทดลองกัน...
ขั้นแรก ผมลองแปลงไฟล์video ที่ Download มาจาก Youtube (.flv) ให้เป็น .mpg โดย ffmpeg ดังนี้
$ffmpeg -i input.flv -target pal-vcd output.mpg
รอสักพัก ก็ได้ไฟล์ output.mpg ออกมา เพื่อนำไปเขียน VCD ต่อไป...
     จากนั้น ก็สร้าง VCD Image โดยการใช้ vcdimager โดยสั่งดังนี้
$vcdimager output1.mpg output2.mpg
รอสักพัก ก็จะได้ไฟล์ videocd.bin และ videocd.cue ออกมา ให้เราสั่ง write ต่อไป โดย cdrdao ดังนี้
$cdrdao write --driver generic-mmc --speed 4 --device /dev/sr0 --eject videocd.cue
 ก่อนสั่งคำสั่งนี้ ต้องทราบ device ที่จะเขียน VCD ก่อน โดยการสั่ง
$cdrdao scanbus

     เมื่อ write VCD เสร็จ ก็จะได้ แผ่น VCD ของท่านเองสมใจเล้วอ่ะครับ ^_^      

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

How to Config Sylpheed working with "Send Link" on Firefox (Lubuntu)

     เนื่องจาก ผมชอบใช้ Firefox แทน Chromium ที่เป็น default web browser ของ Lubuntu ซึ่งมีปัญหากับสระลอยไม่ตรงตำแหน่งของภาษาไทย
     ดังนั้นเมื่อลอง ส่ง link ไปทางemail(Sylpheed) ก็ปรากฏว่า Sylpheed ไม่ทำงาน ก็เลยเข้าไปดูใน Application menu ของ firefox ก็พบว่า ในContent Type : mailto ได้กำหนด Action เป็น Use evolution (default) ดังนั้น เลยต้องหาทางให้เรียกใช้ Sylpheed มาใช้แทน

Content type : mailto > Use evolution(default) ซึ่งเป็นค่าเดิม

     คราวนี้ ถ้าเข้าไปแก้ให้เป็น /usr/bin/sylpheed โดยตรง ก็จะเรียก sylpheed ขึ้นมาเฉยๆ จะไม่เรียกหน้า composition พร้อมเพิ่ม link ของหน้านั้นมาเป็นข้อความให้เราแบบอัตโนมัติ งั้นก็ต้องอัตโนมือกันอีกสักหน่อย
     วิธีแก้ ผมsearchหาในgoogle ก็พบผู้รู้postเอาไว้ว่า ให้เขียนshell script สั้นๆขึ้นมา แล้ว ให้ชี้ mailto ไปที่ shell script นั้น ดังนั้นลองเขียน scriptสั้นๆ ดังนี้

#Script Name: sylpheed_sendto.sh
#!/bin/bash
sylpheed --compose "$1"

     จากนั้นก็ Save ลงในเป็นไฟล์ชื่อ 'sylpheed_sendto.sh' หรือแล้วแต่ถนัดครับ แล้ว chmod ให้ execute ได้โดย สั่ง
$chmod +x sylpheed_sendto.sh
     สมมุติผมสร้างไฟล์นี้ไว้ใน ~/bin เมื่อเสร็จแล้วก็ ไปแก้ไขใน menu Edit > Preferences > Applications Tab > mailto โดยแก้ Action ให้ไปชี้ที่ ~/bin/sylpheed_sentto.sh โดยclick เลือก Use other... แล้วค้นหา ไฟล์ 'sylpheed_sendto.sh' เสร็จแล้ว close tab Application ไป ก็เป็นอันเสร็จพิธี
     มาลองกันดู เมื่อ ต้องการส่ง Link หน้าไหนไป ก็ right click หน้านั้น แล้วเลือก Send Link... ก็จะเจอกับ หน้า Compose.. ของSylpheed แล้วละครับ...

หน้าต่าง compose.. ของSylpheed เมื่อเลือก Send Link...

     คงได้ประโยชน์กันบ้างนะครับ ไปละครับ ^_^

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

How to Config Sylpheed(and Claws-mail) with Hotmail,Gmail,YahooMail

     หลังจาก Install Lubuntu ลงแทนที่ Ubuntu(ไม่ไหวแล้ว อืดเหลือเกินแล้ว) ไปเรียบร้อยเมื่อวันก่อน ก็ต้องมีการ Config โน่นนี่กันนิดหน่อย คราวนี้เป็นทีของ การปรับแต่งโปรแกรมสำหรับEmail (Email Client) สำหรับ Lubuntu 10.10 ก็จะเป็น Sylpheed นั่นเอง ตัวนี้น่าจะมีการ config ค่า เหมือนๆกับ Claws-mail ที่ผมใช้อยู่บน FreeBSD ก็เลยได้โอกาศ บันทึกไว้แบ่งปัน และกันลืมเสียเลย...^^

นี่ล่ะครับ หน้าตาเรียบง่ายแบบพอเพียงของ Sylpheed

     ผมใช้Free Email อยู่ 3 ตัว คือ Hotmail , Yahoo Mail และ Gmail อันหลังใช้เป็นหลักไปแล้ว^^ ก็เลยต้องหาทางConfig Sylpheed ให้ใช้งานทั้ง 3 accounts นี้ให้ได้ทั้งรับ-ส่ง email ก็จำเป็นต้องทดสอบกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าใช้งานได้จริง ก็ขอนำมาแชร์ไว้ ณ.ที่นี้ละกันครับ

     ก็ขอยกตัวอย่าง Hotmail เป็นหลัก เพราะน่าจะใช้กันมาก ส่วนตัวผมชอบGmail อ่ะ มาเริ่มกันเลย...

คลิก Menu -> internet -> Sylpheed

     ก็เริ่มจาก click ที่ Main menu -> internet -> Sylpheed ก็จะพบกับ Sylpheed หน้าตาเหมือนรูปแรก เริ่ม setup account ใหม่โดย click ที่menu Configuration -> Edit accounts...

Edit account window กด Add...

      กดปุ่ม Add ที่หน้าต่าง Edit accounts ก็จะเจอกับ หน้าต่าง Preferences for new account ก็ให้กรอกข้อความในช่องตางๆ ตามรูป (ใช้ข้อมูลของท่านเองนะครับ...)


หน้าต่าง Preferences for new account (Basic)

     ในหน้าต่างนี้ tab Basic ก็กรอกข้อมูลหลักดังนี้

-Name of this account : Hotmail (หรือแล้วแต่ชอบ)
-Set as default : เลือกoption นี้ถ้าต้องการใช้เป็น email บัญชีหลักของเรา
-Protocol : POP3 (ในบทความนี้ผมเลือกใช้ pop3 protocol)
-Server for receiving :
    Hotmail : pop3.live.com
    Gmail : pop.gmail.com
    YahooMail : pop.mail.yahoo.com
-SMTP server (send) :
    Hotmail : smtp.live.com
    Gmail : smtp.gmail.com
    YahooMail : smtp.mail.yahoo.com
-User ID :
    Hotmail :your_email@hotmail.com
    Gmail : email without@gmail.com
    YahooMail : yourYahooMail(fullname)
-Password : your email password

      เสร็จแล้ว กดปุ่ม OK ก็จะกลับมาหน้า Edit accounts อีกครั้ง คราวนี้ กดปุ่ม Edit ไปหน้า Account Preferences เพื่อแก้ไขต่อ คราวนี้เลือก tab Send

Tab Send ใน Account preference

     ในกรอบ Authentication เลือก SMTP Authentication (SMTP AUTH) และ เลือก
-Authentication method :
    Hotmail :PLAIN
    Gmail , YahooMail : Autometic

ส่วน User ID กับ Password ปล่อยว่างไว้ก็ได้ เสร็จแล้ว กดApply แล้วไปclick ที่ tab SSL

Tab SSL ใน Account preferences

     ในTab SSL ให้เลือกดังนี้
-POP3 : Use SSL for POP3 connection (Hotmail, Gmail, Yahoomail)
-Send(SMTP) :
    Hotmail : Use STARTTLS command to start SSL session
    Gmail, YahooMail : Use SSL for SMTP connection  


     เสร็จแล้ว กด Apply แล้ว ไปต่อยัง tab Advanced เพื่อ แก้ไขหัวข้อสุดท้าย

Tab Advanced ใน Account preferences

     กำหนด port ของ SMTP port และ POP3 port ให้ถูกต้องดังนี้
-Specify SMTP port :
    Hotmail :587
    Gmail , YahooMail : ไม่ต้องแก้ไข (default -> port 465)
-Specify POP3 port : 995 (Default ทั้ง Hotmail, Gmail, Yahoomail)

     เสร็จแล้ว กดปุ่ม Apply เพื่อจดจำค่าทั้งหมด แล้วกด OK เพื่อออกจาก หน้าต่าง Account Preferences เพื่อไปทดสอบการส่งmail กันครับ

ทดสอบการส่ง email ผ่าน hotmail

     ปรากฏว่า ส่ง และ รับ Email ได้ปกติ เหมือน Claws-mail ทุกอย่าง สำหรับผมชอบเลยครับ หน้าตาดูง่าย และเป็น Application ที่ตัวเล็ก กินหน่วยความจำน้อยมาก เหมาะมากๆสำหรับ Lubuntu ครับ ^_^

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

How to Install Lubuntu On My Old Ubuntu Laptop

     เพิ่งได้ลง Lubuntu 10.10 ทับระบบ Ubuntu เดิม ใน laptop ตัวเดิม ซึ่งผมได้แยก /home directory ออกมาอีก partition ต่างหาก (/dev/sda6) ส่วนระบบของ Ubuntu ก็อยู่ใน / (/dev/sda7)
     ก็เลยมีปัญหาว่า จะใช้ /home เดิมหลังจากลง Lubuntu ใน /dev/sda7 ยังไง ก็ไม่เคยทำเหมือนกัน สุดท้ายลองๆลงดูประมาณ 2 รอบ ก็ได้คำตอบละครับ ก็ต้องมาบันทึกกันลืมซะหน่อย

     ขั้นแรก หลังจากไป Download lubuntu 10.10 มาแล้ว Burn CD แบบ ISO เพื่อ Boot จากแผ่น cd ขึ้นมา ก็เลือก เมนูที่2 (หรือ เมนูแรกก็ได้ ถ้าต้องการลองเล่นดูก่อน)


     ก็จะเจอกับหน้าเริ่มต้น ของ Installer


     เมื่อเลือกภาษาแล้ว(เลือก English) กด Forward ไปสู่หน้า Preparing to install lubuntu จะมีคำถามขึ้นมาว่าจะ unmount harddisk ก่อนหรือไม่ เลือก yes เพื่อ ให้สามารถจัดการdisk ได้เต็มที่


     เมื่อเลือก yes แล้ว กด forward เพื่อเลือกวิธีการ Install (Allocate Drive Space)


     ของผมเลือก Specify partitions manually (advance) เพราะต้องจัดการ mount /home เดิมด้วยตัวเอง เลือกแล้ว กด forward เพื่อไป Allocate drive space


     ให้ ระบุตำแหน่งที่จะลงระบบ ที่ partition เดิมของระบบ คือ /dev/sda7 โดยคลิกที่ /dev/sda7 แล้ว กดปุ่ม Change เพื่อ ระบุตำแหน่งการลงระบบใหม่ เป็น directory /


     ระบุ Use as: เป็น Ext4 , เลือก Format the partion , Mount point --> / เสร็จแล้วกด OK เพื่อกลับไประบุ /home อีกครั้ง


     ทำเหมือนเดิมอีกครั้ง โดยเลือก /dev/sda6 หรือ partition /home เดิมของท่านที่ได้แยกไว้เดิม(ของผมเป็น sda6) แล้วกด Change อีกครั้ง


     ขั้นนี้ ไม่ต้องเลือก Format the partition นะครับ เพราะเป็น /home เดิมของเรา ดังนั้น Mount point เลือกเป็น /home เสร็จแล้ว กด OK เพื่อกลับหน้า Allocat drive space แล้ว กด Install Now


     เมื่อเห็นหน้าข้างบนนี้ ก็แสดงว่า เข้าสู่การ install จริงๆ แล้วครับ จะเริ่มมีการ copy ระบบลงบน partition ที่เราระบุเป็น / พร้อมกับมีคำถามให้ระบุ time zone ก็คลิกบนแผนที่ประเทศไทย (Bangkok) แล้ว กด forward ไปสู่หน้าต่อไป ก็คือ
     การเลือก keyboard layout ก็ให้เลือก Thai แล้วก็ กด forward ไปหน้า Who are you?

     สำหรับขั้นตอนต่อๆไป ก็ให้กรอกข้อมูล ชื่อ login name และ อื่นๆอีก ก็ตอบตามที่ท่านวางแผนไว้ ระบบก็จะ install Lubuntu ไปจนกระทั่งเสร็จ ก็จะดีดแผ่น CD ออกมา เพื่อให้ กด Enter เพื่อเริ่มระบบLubuntuใหม่ ก็จะเข้าสู่หน้า login ให้ท่าน login โดย login name และ password ที่ท่านได้ระบุไว้แล้ว ก็จะได้พบกับ Lubuntu 10.10 แล้วครับ

     สามารถไปชม video การสาธิตวิธีการ install lubuntu 10.10 ได้ที่นี่ ครับ ^^


วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Bluetooth USB Adapter กับ FreeBSD 8.1 (ตอนที่ 3) ตอนจบ

     ผมคงจะท้องอืด อึดอัดมากๆอย่างแน่นอน หากไม่ได้เขียนตอนที่3 ให้จบเรื่องนี้ เลยต้องรีบมาจัดการซะให้เรียบร้อยซะเลย...
     จากตอนที่ 2 ที่ลองใช้ obexapp ในการ ล้วงไฟล์ใน Samsung Star GT-S5233S มาดูเล่น มาคราวนี้ เรามาจกไฟล์กันเลยดีก่า ^_^
     ก็เริ่มจากการเสียบ Bluetooth USB dongle ให้เรียบร้อย แล้วก็เปิด xterm ขึ้นมา พิมพ์คำสั่งดังนี้
%obexapp -a 00:35:77:8a:55:ee -c -C ftrn -f
     ก็จะเจอ prompt รับคำสั่ง obex> ลองสั่ง ls เพื่อ ดูรายชื่อfile แล้ว ลอง cd เพื่อเข้าสู่directoryที่ต้องการดู

รับไฟล์จากโทรศัพท์มายังcomputer โดย คำสั่ง get

     เมื่อพบรายชื่อไฟล์ที่ต้องการ ก็ใช้คำสั่ง get เพื่อรับไฟล์ที่ต้องการมาเก็บไว้ใน user directory บน Computer โดย สั่ง get แล้วตามด้วยชื่อที่ถูกต้อง เมื่อรับไฟล์มาเรียบร้อย ก็จะกลับมาที่ obex> อีกครั้ง
     เมื่อต้องการ เลิกการเชื่อมต่อ ก็พิมพ์ คำสั่ง di (คือ DIsconnect นั่นเอง) ก็จะกลับไปสู่ prompt หลักของ xterm (%) เหมือนเดิม

     ส่วนการส่งไฟล์ไปยังโทรศัพท์ ก็เชื่อมต่อเหมือนกัน เพียงแต่เปลี่ยนคำสั่ง จาก get ไปเป็น put เท่านั้น และ สามารถระบุ path ของไฟล์บนComputer ได้เลย

การส่งไฟล์จาก computer ไปยัง โทรศัพท์มือถือโดยคำสั่ง put

และสุดท้าย คือการ set ให้ Computer เป็น Obex server คือ สามารถจัดการ รับส่งไฟล์ โดยจัดการผ่านโทรศัพท์มือถือได้เองเลย ขั้นตอนก็มีเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย คือ
     1.สร้าง directory ว่างๆขึ้นมา ใน root directory ของเรา เช่น /home/charan/bluetooth เพื่อเป็นที่เก็บfile สำหรับรับส่งผ่าน Bluetooth โดยเฉพาะ และให้แน่ใจว่า สามารถเขียนอ่านไฟล์ได้แน่ๆ ผมจึงตั้ง permission เป็น 777 ซะเลย
     2.พิมพ์คำสั่ง เพื่อให้ FreeBSD ทำหน้าที่ Obex Server โดยกำหนดให้ ทำงานใน account ของ user คือ charan ดังนี้
#obexapp -s -S -C 10 -u charan -r /home/charan/bluetooth
     เสร็จแล้ว ลองใช้ ps หาดูว่า มี process obexapp ทำงานแล้วหรือไม่ โดยสั่งดังนี้
%ps ax | grep obexapp
ก็จะพบว่า obexapp ทำงานแล้ว

การset obex server

     และเมื่อทดลอง ใช้มือถือรับส่งไฟล์ ก็จะใช้งานได้เหมือน การโอนไฟล์ระหว่างโทรศัพท์ 2 เครืองเลย เมื่อต้องการ เลิกทำงาน ก็สั่ง kill -9 process ของ obexapp นั้นได้เลย...

สามารถ เข้าไปอ่าน เอกสารอ้างอิง ได้ที่นี่
FreeBSD - Bluetooth

จบล่ะครับ ^_^

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Bluetooth USB Adapter กับ FreeBSD 8.1 (ตอนที่ 2)

     จากตอนที่1 หลังจากที่เราได้ลง Driver ของ Bluetooth USB Dongle และทดสอบค้นหาอุปกรณ์กันไปแล้ว     ต่อไปก็เป็นการจับคู่(Pairing) ระหว่างComputerของเรา กับ โทรศัพท์มือถือกัน
     งานนี้ hcsecd daemon จะเป็นพระเอกจัดการเรื่องการยืนยันความถูกต้องของอุปกรณ์Bluetooth จึงต้องมีการกำหนดค่าของอุปกรณ์ให้รู้จักกันซะก่อน โดยแก้ไขไฟล์ /etc/bluetooth/hcsecd.conf เพื่อกำหนดชื่ออุปกรณ์ และค่า PIN code ดังนี้
#vi /etc/bluetooth/hcsecd.conf
แล้วเพิ่มค่าBD_ADDR ของอุปกรณ์ และ ชื่อ, PIN code ไปที่บรรทัดล่างสุด  ยกตัวอย่างดังนี้

device {
             bdaddr   00:35:77:8a:55:ee;
             name      "GT-S5233S";
             key          nokey;
             pin          "1234";
}

บันทึกแล้ว ก็ไปสู่ขั้นตอนต่อไป ก็คือ การให้ hcsecd daemon ทำงานทุกครั้งเมื่อเปิดเครื่อง โดยแก้ไขไฟล์ /etc/rc.conf
#vi /etc/rc.conf
เพิ่มข้อความดังนี้ ไปท้ายไฟล์ /etc/rc.conf
hcsecd_enable="YES"

     บันทึกไฟล์ แล้ว restart เครื่อง 1ครั้ง

เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้แล้ว ก็จะเป็นการ Install โปรแกรม obexapp ซึ่งจะใช้จัดการเรื่องการย้ายไฟล์ผ่านทาง Bluetooth นั่นเอง โดย install ผ่าน ports ดังนี้
-เปิด xterm ขึ้นมา พิมพ์ su กด Enter ใส่password แล้วสั่ง
#cd /usr/ports/comms/obexapp && make install clean
     รอสักครู่ เสร็จแล้ว สั่ง
#rehash
เสร็จแล้ว พิมพ์ exit กด Enter เพื่อออกจาก root มาเป็น เรา แล้ว มาลองกันดูครับ โดยลองพิมพ์ใน xterm ดังนี้
%obexapp -a 00:35:77:8a:55:ee -c -C ftrn -f
     ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็จะเจอ prompt ดังนี้

obex>

ลองสั่ง ls  แล้วกด Enter ก็จะเจอรายการชื่อ Directory และ File ของหน่วยความจำในโทรศัพท์กันล่ะ
obexapp client แบบ ftrn จากComputer ไปยัง มือถือ
     และเราสามารถใช้คำสั่ง cd , ls , get , put ได้ในการเคลื่อนย้ายไฟล์ผ่าน bluetooth ซึ่งคงต้องไปว่ากันต่อไป ในตอนสุดท้าย ซึ่งจะ set ให้ Computer เป็น Obex Server ด้วย
     พบกันใหม่ตอนที่ 3 นะครับ ^_^

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Bluetooth USB Adapter กับ FreeBSD 8.1 (ตอนที่ 1)

     ก็เนื่องมาจาก อยากลองใช้ Bluetooth USB Adapter กับ FreeBSD จริงๆสักที (เห็น Ubuntu มันทำได้ง่ายๆ)ก็ลองค้นหาวิธีจาก Google ก็ชักเข้าเค้า...
     อุปกรณ์ของผมคือ Bluetooth USB Adapter รุ่น HK-760 Version 2.0 และ NoteBook Compaq Presario M2000 เจ้าเก่า กับ Samsung Star GT-S5233S
Bluetooth USB รุ่น HK-760 Version 2.0
     ขั้นแรกสุด ก็ต้องLoad module Driver ของ bluetooth usb ก่อนดังนี้
-แก้ไข File /boot/loader.conf ด้วย vi
%sudo vi /boot/loader.conf
 เลื่อน cursor ไปบรรทัดล่างสุด กด "o" เพื่อเพิ่มบรรทัดนี้เพิ่มเข้าไป
ng_ubt_load="YES"
 เสร็จแล้ว กด Esc 1ครั้ง แล้วบันทึกโดย พิมพ์ :wq ก็เป็นอันเรียบร้อย แต่ต้องสั่ง Rebootก่อนจึงจะมีผล ถ้าต้องการให้มีผลทันที ต้องสั่ง Load module ของ Driver นี้โดยสั่งดังนี้
#kldload ng_ubt
     จากนั้น ก็เสียบ Bluetooth USB Dongle เพื่อทดสอบกันเลย ซึ่งปกติเมื่อเสียบอุปกรณ์ก็มักจะมีข้อความบางอย่างขึ้นมาในxterm เพื่อบอกว่า FreeBSD รู้จักอุปกรณ์นี้นะ แต่ของผมไม่ยักมีแฮะ แต่ไม่เป็นไร ลองทำขั้นตอนถัดไป...
     ขั้นต่อไปคือ สั่ง run script สำหรับ start bluetooth ดังนี้(เป็น root ก่อนนะครับ)
#/etc/rc.d/bluetooth start ubt0
      ก็จะพบข้อความแจ้งรายระเอียดของอุปกรณ์อีกครั้ง เช่น BD_ADDR และอื่นๆอีกมากมาย แต่ของผมก็ไม่มีข้อความอะไรแจ้งเลยเหมือนเดิม (เฮ้อ... ชักถอดใจซะแล้ว..)
     ขั้นต่อไปคือ ลองเปิดBluetooth ในโทรศัพท์มือถือดู(Bluetooth On)เพื่อใช้ทดสอบว่าอุปกรณ์ของเราทำงานจริงหรือไม่ จากนั้น ก็ลองใช้คำสั่งทดสอบหาดูว่าพบโทรศัพท์รึปล่าว ดังนี้...
%hccontrol -n ubt0hci inquiry
 ถ้าเจอ ก็จะพบข้อความคล้ายๆอย่างนี้...
 
% hccontrol -n ubt0hci inquiry
Inquiry result, num_responses=1
Inquiry result #0
       BD_ADDR: 00:35:77:8a:55:ee
       Page Scan Rep. Mode: 0x1
       Page Scan Period Mode: 00
       Page Scan Mode: 00
       Class: 52:02:04
       Clock offset: 0x78ef
Inquiry complete. Status: No error [00]

      แต่จะใช่โทรศัพท์เราอ๊ะป่าว ก็ต้องลองถามดูต่ออีก โดยเอาค่า BD_ADDR: ไปถามอีก ดังนี้...
%hccontrol -n ubt0hci remote_name_request 00:35:77:8a:55:ee
 ก็จะเจอคำตอบคล้ายๆยังงี้...
BD_ADDR: 00:35:77:8a:55:ee
Name: GT-S5233S

     นั่นคือ ชื่อของโทรศัพท์ของเรานั่นเอง อย่างงี้ แสดงว่า Work!!
และเมื่อลองใช้โทรศัพท์ค้นหา Computer ของเรา ก็จะเจอรายชื่ออุปกรณ์ ชื่อ hostname(ubt0) ของเรา เช่น m2000.rspg (ubt0)

     คงต้องไปต่อกัน ตอนที่ 2 กันต่อนะครับ จะได้ไม่ยาวเกินไป แล้วมาลุยกันต่อนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กู้ไฟล์ที่เผลอลบไปบน FreeBSD ด้วย testdisk (Data Recovery On FreeBSD with testdisk)

     2-3วันก่อน เผลอลบไฟล์ผิดตัวไป ก็เลยนั่งเหงื่อตก เพราะไม่รู้จะกู้กลับมายังไงดี ไม่เคยทำซะด้วย เลยตั้งสติ แล้วรีบถามพี่google เพื่อนเก่าโดยด่วน ก็พบคำตอบน่าสนใจ นั่นคือ TestDisk นั่นเอง
     สำหรับ TestDisk นั้น มีทั้ง version บน dos, windows , linux, FreeBSD, Sun OS , Mac OSX และอีกหลายระบบ และยังมีความสามารถมากมาย กับ หลายๆ File System อีกด้วย
     และเนื่องจาก ใน FreeBSD ก็มี TestDisk มาให้แล้ว ใน ports(/usr/ports/sysutils/testdisk) งั้นมา install กันเลย ใน xterm หรือ terminal แล้วแต่ถนัด
#cd /usr/ports/sysutils/testdisk && make install clean
     รอสักพัก เมื่อ install เรียบร้อยแล้ว สั่ง rehash อีกครั้ง เพื่อจะได้เรียกใช้ TestDisk ได้โดยไม่ต้อง reboot ใหม่
#rehash
สั่งใน xterm ดังนี้
#testdisk 
ก็จะเจอกับ interface ดังรูป

จากนั้นก็ดูตามตัวอย่าง ก็ละกันครับ
เลือกPartitionที่ต้องการกู้ไฟล์

เลือกชนิดของ partition

เลือก Advance

เลือก Partition ที่ต้องการกู้ไฟล์คืน และเลือก Undelete


ใช้cursor เลื่อนขึ้นลงหาไฟล์ที่ต้องการกู้คืน(บรรทัดสีแดง)แล้วกด C (copy)

จะมีคำถามให้เลือกว่าจะcopy ไฟล์นั้นมาไว้ที่ใด

เมื่อcopyเสร็จ ก็กลับมาหน้าเดิม กด Q เพื่อออกจากโปรแกรม

     หวังว่า คงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ชอบเผลอลบไฟล์แบบไม่ดูตาม้าตาเรือแบบผมนะครับ ;-p

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Screen Capture By Using Import (Member Of ImageMagick)

     ว่าจะเขียน เรื่องนี้ไว้กันลืม ก็ดันลืมซะงั้น วันนี้นึกขึ้นได้ ต้องรีบเขียน ไม่งั้นเดี๋ยวลืมอีกแน่ๆ
เนื่องจากผมใช้ IceWM เป็น Desktop บน FreeBSD ก็เลยต้องหาโปรแกรม CommandLine ง่ายๆ เอาไว้ บันทึกภาพหน้าจอ(Screen Capture) เวลาเขียนBlog ก็ได้โปรแกรมสารพัดประโยชน์ อย่าง ImageMagick นี่ละครับ เป็นผู้ช่วยของผม...

     ขั้นแรก ก็ต้อง Install ImageMagick ก่อน ผ่านทาง ports โดย สั่งใน xterm ดังนี้
#cd /usr/ports/graphics/ImageMagick && make install clean
อย่าลืมต้องเป็น root ก่อนนะครับ จากนั้นรอครับ เมื่อ install เสร็จ ก็สั่ง rehash เพื่อจะได้เรียกใช้ Program ได้โดยไม่ต้อง reboot ใหม่อีก
#rehash
     คราวนี้เราลอง capture หน้าจอ กันเลย ลองสั่ง ใน xterm ดังนี้
%import fullwindow.jpg
ผลคือ cursor จะเปลี่ยนจาก arrow ชี้ กลายเป็น รูปเครื่องหมาย "+" เพื่อให้เรา click ลอง click ลงไปบน พื้นที่ว่างบน Desktop ก็จะได้ผลคือ fileภาพ jpg ชื่อ fullwindow.jpg ใน home 's user directory ดังรูป
fullwindow.jpg



     คราวนี้ลองสั่งคำสั่งใหม่อีกครั้ง
%import croparea.jpg
ทีนี้ลองใช้ cursor ที่เปลี่ยนเป็น "+" ลากไปรอบ หน้าต่างของ xterm ที่สั่งคำสั่งนี้ เมื่อ crop บริเวณหน้าต่างแล้ว ก็ปล่อย mouse ก็จะได้ภาพ croparea.jpg ดังรูปล่างนี้
croparea.jpg

     ก็คือการ เลือกอาณาเขตของภาพที่จะ crop ออกมานั่นเอง...

     ต่อไป ก็คือ การใช้คำสั่ง import ที่มีการตั้งเวลา delay 5 วินาที ก่อนจะ จับภาพหน้าจอ main window
ให้สั่งดังนี้
%import -window root -pause 5 _screen.jpg
 แล้วลองclick menu ของ desktop manager หรือ ลองเปิดหน้าต่าง xterm ดู ก็จะได้ file ภาพชื่อ _screen.jpg ดังรูป...

_screen.jpg
     ก็คิดว่าคงมีประโยชน์กับหลายคน ที่ชอบใช้ commandline ที่สะดวก รวดเร็ว เหมือนๆผม

     จบละครับ...^_^

วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Upgrading FreeBSD 8.0 To 8.1

     วันนี้ได้ฤกษ์ upgrade FreeBSD เป็น 8.1 สักที ใช้ 8.0 มาหลายเดือนแล้ว ก็ต้องหาวิธีสักหน่อย ปรากฏว่า ก็อยู่ที่หน้าหลักของ FreeBSD.org นั่นเอง

     ขั้นตอนการ upgrade ไม่ยุ่งยาก(ง่ายกว่าที่คิดเยอะเลย ;-)) มาเริ่มกันเลยครับ
ก่อนอื่นให้ใช้สิทธิ์ของ root นะครับ แล้วสั่ง freebsd-update upgrade
$su
Password:
#freebsd-update upgrade -r 8.1-RELEASE

     จากนั้น โปรแกรมจะดำเนินการ ตรวจสอบ และ สอบถามเราว่า ระบบที่ตรวจสอบ ถูกต้องเหมาะสม หรือไม่ และ เมื่อตอบ Yes ก็จะดำเนินการ download patch ต่างๆมาให้จนครบ ก็ตอบ yes ในเกือบทุกคำถาม เว้นในส่วนของ /etc/hosts ให้แก้ไขได้ตามต้องการ หรือ แก้ไขตามของเก่าครับ
     เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว จะกลับมาที่ promt ก็สั่งคำสั่งต่อไป
#freebsd-update install
     โปรแกรม จะทำการ install patch ทั้งหมด เมื่อเสร็จแล้ว โปรแกรม จะแนะนำให้ reboot ระบบใหม่
และ ให้สั่ง freebsd-update install อีกครั้ง
ก็ให้สั่ง reboot ซะก่อน
#shutdown -r now
      เมื่อเข้าสู่ระบบใหม่แล้ว ก็สั่ง install userland อีกรอบ
#freebsd-update install

เมื่อ install เสร็จแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย คือ reboot อีกครั้ง
#shutdown -r now
เมื่อเข้าสู่ระบบอีกครั้ง ลองตรวจสอบดู ว่า เป็น RELEASE 8.1 แล้วหรือยัง ดังนี้
#uname -a

ถ้าถูกต้อง ก็จะแสดงเป็น 8.1-RELEASE ถูกต้องครับ
FreeBSD mylaptop 8.1-RELEASE FreeBSD 8.1-RELEASE ...
 จะว่าไป upgrade ง่ายกว่า ubuntu อีกนะเนี่ย ผมว่านะ.. :-D

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Dreambox DM 500-S กับ Ubuntu 10.04(ตอนที่ 3)

     ห่างไปหลายวันเลย สำหรับตอนที่ 3 คราวนี้ ก็เลยลองหาวิธีการ mount harddisk ใน ubuntu Laptop เพื่อนำไฟล์ mp3 หรือ ไฟล์video ไปเปิดบน dreambox นั่นเอง

     ก่อนอื่นต้อง share directory เป้าหมายในUbuntu Laptop ด้วย samba เสียก่อน และ เปลี่ยน file permission ให้เป็น 777 เพื่อให้อ่านเขียนไฟล์ได้อย่างไม่มีปัญหา
สำหรับ วิธีการ Share ด้วย Samba บน Ubuntu อ่านได้ ที่นี่ ครับ
     หลังจากจัดการ share directory ด้วย sambaได้เรียบร้อยแล้ว ก็มาลองทดสอบ การmount directory ใน harddisk บน ubuntu โดย dreambox กันครับ
     วิธีแรกนี้ ลองจัดการ mount harddisk ผ่าน Enigma Web Interface ของ dreambox โดยเข้าสู่หน้า web ของ dreambox บน Lan (อ่านบทความได้ที่นี่)
     หลังจากเข้าสู่หน้า web จัดการdreambox แล้ว ให้ เลือกปุ่ม Config --> ปุ่ม Mount Manager --> ปุ่ม Add

     จะพบกับ หน้า Change Mount Point
ให้กำหนด mount point และ parameter ต่างๆ ก็ให้เลือก FileSystem Type เป็น CIFS
Client Directory คือ /var/mnt/hdd ของ dreambox
Server Directory คือ Directory ที่ Share Samba ไว้แล้วบนUbuntu
ส่วนช่อง IP คือ ค่าIP ของเครื่องที่เราshare harddisk นั่นเอง
User Name ให้ใช้ samba user , Password ก็ใช้ password ของ samba user

เสร็จแล้ว ลอง กด ปุ่ม Save ดู

     ก็จะเห็น รายการ ให้ mount harddisk ได้ เพิ่มขึ้น ก็ให้ลอง กดปุ่ม mount ที่ column Action ได้เลย

     หาก mount harddisk สำเร็จ Column Stat จะเปลี่ยนจาก กากบาท เป็น เครื่องหมายถูก

     ต่อไป ให้เข้าไปตรวจสอบ และ ลองเล่นไฟล์ videoดู โดย เลือกปุ่ม ZAP --> ปุ่ม Root แล้วเลือก directory /hdd ก็เข้าไปสู่ directory และไฟล์ต่างๆ ที่มีอยู่ได้ การเล่น ก็แค่ Click เลือกชื่อไฟล์ที่ต้องการได้โดยตรง

      ได้ดูแล้ว...

     และอีกวิธีหนึ่งในการ mount directory ใน harddisk ก็คือ การ telnet เข้าไปตรงๆ แล้วสั่ง mount harddisk ผ่านคำสั่ง mount ของ linux ใน dreambox ซึ่งก็เป็น linux ได้เลยดังนี้
$telnet 192.168.1.4
root@dreambox:~>mount -t cifs -o user=user,password=pass //192.168.1.100/dreambox /hdd
โดย user คือ samba-user และ password คือ samba password ครับ
ส่วน mount point ของ Laptop คือ //192.168.1.100/dreambox
mount point ของ dreambox คือ /hdd (หรือ /var/mnt/hdd)
 
     ถ้า mount directory ใน harddisk สำเร็จ ก็จะกลับไปที่ prompt ให้ลองสั่ง ls ดูใน directory /hdd ว่ามี file อยู่แล้วหรือยังครับ แล้วก็ลอง ใช้ Remote Control สั่งเปิด File Mode โดย กด menu 1 ครั้ง แล้ว เลื่อนไปทางขวา จนพบ File mode

     จากนั้น กด Enter 1 ครั้ง ก็จะเจอกับ file manager แล้วเลื่อนหาไป เพื่อเข้าสู่ ไฟล์หนังของเรา

     แต่พบว่า Dreambox จะเล่นได้เฉพาะไฟล์ .mpg หรือ .mpeg อ่ะครับ เลยต้องแปลงfile ให้เป็น .mpg ก่อนครับ


     ก็ขอให้มีความสุขกับ ubuntu ของท่านกันต่อไป อิอิ..

ขอขอบคุณ บทความ นี้ ที่เอื้อเฟื้อความรู้ครับ...
http://www.107sats.com/index.php?topic=62.0

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Dreambox DM 500-S กับ Ubuntu 10.04(ตอนที่ 2)

     คราวนี้ ก็จะลองใช้ Ubuntu ดูรายการดาวเทียม จาก dreambox ผ่านทาง Lan กัน พระเอกของเราก็คือ mplayer นั่นเอง เพราะลองใน vlc แล้ว มีerror ยังไม่สามารถดูได้ อาจเป็นเพราะยังไม่ทราบวิธีแก้ก็ได้ มาดูกันเลย
     วิธีการ ก็เริ่มจาก เปิด web browser ขึ้นมา แล้ว พิมพ์ ip ของ dreambox เช่น 192.168.1.3 เพื่อ จัดการผ่าน web
     ให้หา icon ปุ่มกด "VLC" แล้ว กด เพื่อ download ไฟล์ "video.m3u" มาเก็บไว้

     จากนั้น ให้เปิดไฟล์ video.m3u โดย gedit หรือ text editor ตัวที่ท่านชอบ ขึ้นมาจะเห็น url ที่จะใช้ดูรายการช่องนั้นๆที่เลือกไว้ คล้ายๆแบบนี้

     จากนั้น สั่ง Run mplayer ที่Terminal โดยสั่งดังนี้
$mplayer http://192.168.1.3:31339/0,00ce,006a,0196,01fa
 หรือ อีกวิธีคือกด "Alt+F2" ให้ copy ข้อความที่ได้ มาวางหลังคำสั่ง mplayer ดังรูป


     ก็จะได้ดู สมใจ... แต่อย่าลืมลง โปรแกรม mplayer ก่อนนะครับ ( sudo apt-get install mplayer )

     นอกจากนี้ เรายังสามารถประยุกต์ เพื่อ บันทึกรายการ เอาไว้ดูภายหลังได้ โดยใช้คำสั่ง wget ใน Terminal ได้ดังนี้
$wget "http://192.168.1.3:31339/0,00ce,006a,0196,01fa" -O test.ts

     ก็จะได้ไฟล์ output ในรูปแบบ TS และ มีvideo codec เป็น"MPEG2" และ audio codec  เป็น "MP3" และ สามารถเปิดได้จาก mplayer เช่นกัน
     และยังมีวิธีการประยุกต์ อีกมากมาย เช่น การแปลงรูปแบบไฟล์ การบันทึกvideo พร้อมกันดูไปด้วย โดยสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

      บทความอ้างอิง:
-http://www.howtoforge.com/record-dreambox-dm-500-s-on-linux-over-http-stream