การแพ้ยา แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด
1.การแพ้ยาที่เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด
ก.อะนาฟัยแลกซีส (Anaphylaxis) เป็นอาการแพ้ที่พยได้น้อยแต่ว่ารุนแรงถึงชีวิต เนื่องจากหลอดลมตีบความดันโลหิตต่ำ หมดสติ อาการที่เกิดขึ้นรวดเร็วมาก ต้องทำการรักษาอย่างทันท่วงที มิฉะนั้นอาจเสียชีวิตได้ยาที่มีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้เช่นนี้ เช่น เพนนิซิลิน ยาฉีดทุกชนิด
ข.อาการแพ้อื่นๆ เช่น มีอาการผื่นคัน บวม มีไข้ หากหยุดยา 2-3 วัน ไข้ก็จะหายไป บางครั้งอาจเกิดอาการหอบหืดคัดจมูกได้
2.การแพ้ยาแบบทิ้งช่วง
ร่างกาย จะแสดงอาการหรือมีการตอบสนองต่อยาหลังจากได้รับยาไปแล้ว 1-2 วัน อาการที่พบได้แก่ ผื่นแดงอักเสบเม็ดเลือดขาวลดลง โลหิตจาง แผลในกระเพาะอาหารจนถึงไตถูกทำลาย
เมื่อแพ้ยาควรทำอย่างไร?
- ถ้าแพ้เพียงเล็กน้อย เช่น มีผื่นแดง คัดจมูกให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- ถ้ามีผื่นคันมาก อาจใช้ยาแก้แพ้ชนิดรับประทานบรรเทาอาการได้
- ถ้าแพ้รุนแรงต้องหยุดยาทันทีและรีบไปพบแพทย์ เพื่อให้การรักษาได้ทันท่วงที
- เมื่อ แพ้ยาใดแล้วต้องจดจำชื่อสามัญทางยาของยาที่แพ้นั้นหรือจดใส่สมุดบันทึก ไม่ควรจำสีหรือรูปร่างลักษณะของเม็ดยา เนื่องจากไม่อาจบ่งบอกได้แน่นอนว่าเป็นยาอะไร หากไม่มีชื่อยาบนซองหรือฉลากที่ใช้ควรกลับไปขอชื่อยาบนซองหรือฉลากที่ใช้ ควรกลับไปขอชื่อสามัญทางยาจากแหล่งที่ได้รับยานั้น
- งด ใช้ยาที่เคยแพ้ และเพื่อไปพบแพทย์หรือซื้อยา ควรแจ้งให้ทราบว่าเคยแพ้ยาอะไร เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยานั้นหรือยาที่มีส่วนผสมของยาที่เคยแพ้ซึ่งอาจก่อให้ เกิดอันตรายรุนแรงกว่าที่เคยเป็นได้
ที่มา bangkokhealth.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น